top of page

แผ่นเสียง

อยากเล่นแผ่นเสียง?    http://mryody.wordpress.com

          เชื่อว่าหลายๆท่านที่หลงเข้ามาอ่าน blog นี้ บางท่านต้องมีสิ่งที่ข้องใจเป็นแน่น่อน “แผ่นเสียงมันเป็นยังไง?” “แผ่นเสียงมันยังจะหาได้อยู่เหรอ?” “แผ่นเสียงเสียงดีกว่าcdจริงเหรอ?” “แผ่นเสียงดูแลยากไหม?” “แล้วเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะไปหาที่ไหน?” หรือบางท่านอาจจะเกิดอาการคัน ถึงขั้นอยากลองของ หรือหาเรื่องเสียตังค์ว่างั้นเถอะ555+ เอาเป็นว่าผมแยกหัวข้อเป็นหมวดๆสำหรับคนที่เริ่มสนใจเจ้าแผ่นเสียงตามนี้ละ กันนะครับ คำตอบที่ตอบไปจะไม่ใช่เชิงเทคนิคมาก(เพราะลึกๆผมก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ) จะตอบด้วยประสบการ์ณโดยตรงอันน้อยนิดของผมกับความรู้ที่ได้มาจาก พี่ๆนักเล่นเครื่องเสียงในวงการมาตอบแบบ เล่าสู่กันฟังละกันนะครับ เน้นสบายๆ อ่านเข้าใจง่าย

          “แผ่นเสียงมันเป็นยังไง?” แผ่นเสียงคือสื่อที่บันทึกเสียงเพลงในอดีต แบ่งเป็นสองยุคได้คือ ยุคแผ่นครั่ง กับ ยุคแผ่นไวนิล ในที่นี้จะอธิบายแต่แผ่นไวนิลก่อนละกันนะครับ แผ่นไวนิลนั้น แบ่งได้เป็นสองขนาดหลักๆ คือ ขนาด 7นิ้ว (EP ย่อมาจาก Extended Play ) กับ 12 นิ้ว (LP ย่อมาจาก Long PLay) อธิบายง่ายๆแบบบ้านๆ แผ่นเสียงมีสองหน้า เพราะฉะนั้นเวลาเล่นถ้าเกิดหมดหน้าแล้วต้องลุกมากลับหน้าแผ่นด้วยนะเออ แผ่นเสียงมีได้หลายสีไม่จำเป็นต้องเป็นสีดำเสมอไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตอยาก ทำออกมาเป็นสีอะไร บางทีก็เล่นเอารูปมาปริ๊นลงไปบนแผ่นเสียงเลยก็มีเรียกว่า Picture Vinyl ส่วนใหญ่แล้วแผ่นเสียงที่ออกมาในลักษณะนี้จะถูกผลิตในจำนวนจำกัด

          อยากเล่นแผ่นเสียง? เชื่อว่าหลายๆท่านที่หลงเข้ามาอ่าน blog นี้ บางท่านต้องมีสิ่งที่ข้องใจเป็นแน่น่อน “แผ่นเสียงมันเป็นยังไง?” “แผ่นเสียงมันยังจะหาได้อยู่เหรอ?” “แผ่นเสียงเสียงดีกว่าcdจริงเหรอ?” “แผ่นเสียงดูแลยากไหม?” “แล้วเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะไปหาที่ไหน?” หรือบางท่านอาจจะเกิดอาการคัน ถึงขั้นอยากลองของ หรือหาเรื่องเสียตังค์ว่างั้นเถอะ555+ เอาเป็นว่าผมแยกหัวข้อเป็นหมวดๆสำหรับคนที่เริ่มสนใจเจ้าแผ่นเสียงตามนี้ละ กันนะครับ คำตอบที่ตอบไปจะไม่ใช่เชิงเทคนิคมาก(เพราะลึกๆผมก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ) จะตอบด้วยประสบการ์ณโดยตรงอันน้อยนิดของผมกับความรู้ที่ได้มาจาก พี่ๆนักเล่นเครื่องเสียงในวงการมาตอบแบบ เล่าสู่กันฟังละกันนะครับ เน้นสบายๆ อ่านเข้าใจง่าย เทียบกันระหว่างแผ่น 12″ กับ 7″ “แผ่นเสียงมันเป็นยังไง?” แผ่นเสียงคือสื่อที่บันทึกเสียงเพลงในอดีต แบ่งเป็นสองยุคได้คือ ยุคแผ่นครั่ง กับ ยุคแผ่นไวนิล ในที่นี้จะอธิบายแต่แผ่นไวนิลก่อนละกันนะครับ แผ่นไวนิลนั้น แบ่งได้เป็นสองขนาดหลักๆ คือ ขนาด 7นิ้ว (EP ย่อมาจาก Extended Play ) กับ 12 นิ้ว (LP ย่อมาจาก Long PLay) อธิบายง่ายๆแบบบ้านๆ แผ่นเสียงมีสองหน้า เพราะฉะนั้นเวลาเล่นถ้าเกิดหมดหน้าแล้วต้องลุกมากลับหน้าแผ่นด้วยนะเออ แผ่นเสียงมีได้หลายสีไม่จำเป็นต้องเป็นสีดำเสมอไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตอยาก ทำออกมาเป็นสีอะไร บางทีก็เล่นเอารูปมาปริ๊นลงไปบนแผ่นเสียงเลยก็มีเรียกว่า Picture Vinyl ส่วนใหญ่แล้วแผ่นเสียงที่ออกมาในลักษณะนี้จะถูกผลิตในจำนวนจำกัด ตัวอย่างแผ่น 7 นิ้ว (EP) แผ่น 7 นิ้ว หรือ EP (Extended Play) ต่อไปนี้จะขอเรียกแผ่น12นิ้วว่าLPนะครับ จะได้สะดวกในการเขียน EPเก็บเพลงได้น้อยเนื่องจากมีขนาดเล็ก ส่วนใหญ่ แผ่นEPแผ่นจะบรรจุเพลงไม่เกิน 4 เพลงต่อแผ่น แผ่น7นิ้ว หรือ EP บางทียังถูกเรียกว่าแผ่นซิงเกิล ถึงแม้ว่าบรรจุเพลงได้น้อย แต่ข้อดีของแผ่นEPก็คือพกพาง่าย(ในสมัยนั้นนะครับ – -”) อยากฟังเพลงในฮิตๆ โดนๆ ก็ซื้อแผ่นซิงเกิลเอา เพราะราคาถูกกว่าซื้อแผ่น LP ในสมัยนั้นจึงนิยมตัดเพลงฮิตๆ ดังๆ โดนๆ มาจำหน่ายในรูปแบบแผ่น7นิ้ว โดยมีการผลิตในทั้งแบบ ถูกลิขสิทธ์ กับแบบ เถื่อน อารมณ์แบบ รวมเพลงเอง ไม่แบ่งค่าย ขอให้เพลงดังเหอะ จับมามัดรวมขายซะ แผ่นแบบเถื่อนจะได้รับความนิยมมากในอดีต เพราะเพลงจะตัดรวมถูกใจโก๋ในสมัยนั้นกว่าEPแบบลิขสิทธ์

          แผ่น 12 นิ้ว หรือชื่อนึงว่า LP (Long play) ชื่อก็บอกแล้วว่ายาว คือวางเข็มแล้วเล่นกันยาวๆ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อัลบั้มเต็มนั้นเอง (ต่อไปนี้จะขอเรียกแผ่น12นิ้วว่าLPนะครับ จะได้สะดวกในการเขียน) ปก LP มีสองแบบคือ ปกธรรมดากับปกแบบเปิดได้ ปกแบบเปิดได้นักเล่นแผ่นคนไทยเรียกปกเปิดส่วนนักเล่นแผ่นฝรั่งเรียกGatefold ครับ การเล่น LP ก็ไม่ต่างจากการเล่น EP เพียงแต่เวลาฟัง LP จะได้นั่งฟังนานกว่า EP เพราะLPแผ่นมันจุเยอะกว่า ฮา~~

          “แผ่นเสียงมันยังจะหาได้อยู่เหรอ?” คำตอบคือยังพอหาได้อยู่ครับ ตามตลาดนัดของเก่าใหญ่ๆ หรือตาม website หรือหาจาก ebay เอา ราคาก็จะมีตั้งแต่ หลัก สิบ ร้อย พัน หมื่น บาท ขึ้นอยู่กับความหายากของ แผ่นเสียงชุดนั้นๆ สภาพของแผ่นเสียง สภาพของปก ก็มีปัจจัยสำคัญกับราคาเช่นกัน ถ้าหากนิยมฟังเพลงเก่าๆก็คงจะมีแต่แผ่นมือสองให้เลือกหา แต่ในบางครั้งทางค่ายเพลงก็มีการนำเพลงของศิลปินในอดีตดังๆเช่น Elvis Plesley มารีมาสเตอร์แล้วจำหน่ายใหม่ในรูปแบบแผ่นเสียงอีกด้วย

          แถมปัจจุบันนี้ศิลปินต่างประเทศส่วนใหญ่ชอบออกผลงานมาในรูปแบบของแผ่น เสียงอีกด้วย ถึงแม้ว่ายอดขายcdเริ่มลดลง ซึ่งก็พอเป็นลางบอกอนาคตได้ว่า ”แผ่นเสียงกำลังจะกลับมาฮิตครับ” “แผ่นเสียงเสียงดีกว่าcdจริงเหรอ?” เป็นคำถามที่ผมจะโดนคนที่เริ่มสนใจแผ่นเสียงถามเยอะมากๆ แต่คำถามนี้ผมไม่อาจจะชี้ชัดได้ครับว่าเสียงจากแผ่นเสียงดีกว่าcdจริงหรือ เปล่า แต่เอาเป็นว่าเวลาผมฟังเพลงจากแผ่นเสียง ผมมีความสุข ได้รับอรรถรสในการเสพย์ดนตรีมากกว่าเพลงในรูปแบบ cd หรือ digital ครับ เล่าให้ฟังคร่าวๆว่า สมัยก่อนเวลาศิลปินจะอัดเพลง1เพลงนี้ ต้องเล่นกันสดๆนะครับ ยกตังอย่างง่ายๆ วง The Beatles ละกัน เวลาอัดเพลงต้องมากันทั้ง4คนครับ เล่นพร้อมกันแล้วก็อัด ใครเล่นผิดหรือร้องเพี้ยน ต้องกลับไปอัดใหม่หมดครับ การอัดแบบนี้เรียกการว่าอัดสดหรืออัดแบบanalog ไม่มีการอัดแยกแทรค แล้วมา มิกซ์ในคอมพิวเตอร์แบบสมัยนี้ ซึ่งการอัดแบบanalogนี้ยุ่งยากมากๆ ต้องปราณีตทุกขั้นตอน แต่ข้อคือของการอัดเสียงแบบanalogคือเสียงที่ได้มันเป็นธรรมชาติครับ ซึ่งแผ่นเสียงนี้แหละคือสื่อบันทึกเสียงคู่บุญของยุคของการบันทึกเพลง แบบanalogครับ เอาเป็นว่า ถ้าคุณชอบ Bob Dylan แต่คุณเกิดไม่ทันยุครุ่งๆของเขา(แบบผม ฮ่าๆ) วิธีเดียวที่คุณจะย้อนเวลากลับไปฟังเพลง Blowing in the wind แบบเดิมๆ เฉกเช่นเดียวกับคุณเกิดมาเป็นคนยุค 60′s ก็คุณต้องไปหาแผ่นเสียงของ Dylan มาฟังครับ ฮา~~

          “แผ่นเสียงดูแลยากไหม?” บอกตรงๆเลยว่ายากครับ แต่ไม่ถึงกับยากมาก เอาเป็นว่า ห้ามทำรอยขูดบนร่องแผ่น เพราะ จะทำให้เวลาเล่นเข็มมันจะตกร่อง อย่าเก็บไว้ในที่ชื้น เพราะ รามันจะขึ้นแผ่น ให้วางแผ่นให้ตั้งตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห้ามตั้งซ้อนกัน เพราะ จะทำให้แผ่นบิด ห้ามตากแดดตรงๆ เพราะ แผ่นมันจะงอเป็นกล้วย นั้นก็คือแผ่นมันจะเจ๊งครับ “แล้วเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะไปหาที่ไหน?” อันนี้ก็โดนถามบ่อยครับ แต่เชื่อไหมครับว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงมันหาง่ายกว่าหาแผ่นเสียงบางแผ่นอีก เครื่องเล่นแผ่นเสียงยังมีผลิตอยู่ครับ ถ้าจะหาเครื่องก็มีอยู่สองทางเลือก 1.ซื้อเครื่องใหม่ 2.ซื้อเครื่องมือสอง ราคาเครื่องมือสอง รุ่นทั่วๆไปที่เล่นได้ ตามตลาดมือสองก็อยู่ที่ราวๆ 4000-9000 บาทแล้วแต่ สภาพ ยี่ห้อ หรือถ้าใครงบเยอะ ก็จัดของใหม่ไปเลยครับ สบายใจกว่าแต่ก็ต้องเตรียมเงินกันไว้ราวๆหลักหมื่น

          เกือบลืมบอกไปครับว่า มีแต่เครื่องมันยังเล่นแผ่นเสียงไม่ได้นะครับ คุณต้องมี เข็ม(Stylus)ด้วย เข็มเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากๆ เสียงเพราะไม่เพราะ เข็มมีส่วนสำคัญมากครับ เอาเป็นว่าการเลือกเข็มก็แล้วแต่เงินในกระเป๋าท่านละครับ มีให้เลือกซื้อตั้งแต่ พันนิดๆ จนถึง หลักแสนบาท คุณภาพของเสียงก็ไล่กันไปตามราคาครับ แต่สำหรับมือใหม่ผมแนะนำ Shure M44-7 ครับ เสียงดีในระดับราคาพันกว่าบาท ครับ อ่านที่ผมเขียนคร่าวๆไว้ข้างบนแล้ว ถ้าเกิดอาการคัน อยากลองของ อยากเสพย์ดนตรีในแบบออริจินัล อนาล๊อค คุณต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ครับ 1.เครื่องเล่นแผ่นเสียง+หัวเข็ม(Stylus) 2 .Amplifier จะเป็นแบบไหนก็ได้ครับ -Integrated Amp. -Power + Pre Amp. แต่ทั้ง Integrated กับ Pre ต้องมีช่องอินพุท Phono นะครับ สำคัญมาก!!!! 3.ลำโพง 4.แผ่นเสียง อันนี้คือsystemแบบคร่าวๆ เบสิคๆนะครับ เท่านี้คุณก็พร้อมจะเล่นแผ่นเสียงแล้วครับ

bottom of page